Category ข่าวบันเทิง

เด่นคุณ

แต่งไหม “เด่นคุณ งามเนตร” รับช่อดอกไม้กลางงานมงคลสมรส รัก “แกรนด์ เดอะสตาร์” 5 ปี

เปิดใจ “เด่นคุณ งามเนตร” หลังจาก กระโจน รับช่อดอกไม้กลางงานแต่ง “อาย-ว่านไฉ” อย่างไว กระทั่งคนไม่ใช่น้อยลุ้น แต่ง “แกรนด์ เดอะสตาร์” เร็วๆนี้ หรือเปล่า เผยรัก 5 ปี แฮปปี้

ทำเอาคนไม่ใช่น้อยทั้งตกใจ ทั้งลุ้น ว่าจะมีข่าวดี อีกคู่หรือเปล่า หลังจากพระเอกหนุ่ม “เด่นคุณ งามเนตร” แฟน “แกรนด์ เดอะสตาร์” กระโจนพุ่ง ไปรับช่อดอกไม้กลางงานแต่ง “อาย-ว่านไฉ”

เด่นคุณ แกรนด์

ซึ่งเรื่องนี้ เด่นคุณ เปิดใจเรื่องแต่งงานกับ แกรนด์ ที่งาน GRAND OPENING HAPPY GYM BE YOND ณ อาคาร HAPPY GYM BEYOND ถนนเทพรักษ์-วัชรพล ว่า

“จริงๆ เป็นความใฝ่ฝันของผมทุกงานแต่งงานเลย เวลาไปงานแต่งใครผมจะอยากได้ดอกไม้ แต่เวลาไปงานแต่งเขาก็จะให้แต่ผู้หญิงออกไปรับหน้าเวที แต่นี่ผมดีใจมากที่งานแต่งของพี่อาย (อาย กมลเนตร) ให้ผู้ชายรับดอกไม้ด้วย บอกเรื่องของล่อตาล่อใจก็มีส่วนหนึ่ง

บางคนเข้าใจว่าเราอยากได้โทรศัพท์อย่างเดียว แต่ไม่ใช่นะดอกไม้ตอนนี้ผมเอาแช่ไว้ในช่องฟิต ใจเราอยากได้แค่ดอกไม้จะเก็บเอาไว้ตราบที่มันจะเก็บไว้ได้ของงานแต่งพี่อาย คือพี่อายเป็นนักแสดงคนแรกที่เจอกันและอยู่รอบตัวกันมาโดยตลอด คุยไลน์ เล่นละครด้วยกัน เราได้ดอกไม้เขาก็ไม่ว่าอะไร เรื่องดอกไม้สำหรับแกรนด์น่าจะเป็นเรื่องปกติ รอถามเวลาออกงานคู่ด้วยกันดีกว่า

ส่วนที่ได้รับดอกไม้ในงานแต่งแล้วคนบอกว่าจะได้แต่งงานต่อไป อันนี้คือเจตนาผมแค่อยากได้ดอกไม้ เรื่องแต่งงานไม่ได้สนใจ ถามว่าพร้อมมั้ย คือตอนนี้เรายังไม่พร้อม ตอนนี้มีความสุขมาก ที่ได้ออกไปถ่ายละครทำสิ่งต่างๆ ยังไม่พร้อมมีครอบครัว ต่างคนต่างทำงานไปก่อน ชีวิตคู่มันปุ๊บปั๊บไม่ได้

คลิปที่แกรนด์โพสต์เขาไม่ได้อายหรอก แต่เป็นสายคอนเทนต์ชอบมาขอคลิปนั่นนี่ ถูกเขาบังคับตลอดให้เต้นทำเทนต์ ลั่นไม่กลัวแฟน บอกกลัวแฟนกลัวหมาดีกว่า ยอมรับช่วงนี้มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยเพราะต่างคนต่างทำงาน คบมา 5 ปีแฮปปี้ แต่ละช่วงเวลาแต่ละปีแตกต่างกัน ปีที่ 5 จะเป็นการให้ความสำคัญเรื่องงานมากกว่า แต่เอาใจใส่เรื่องการใช้ชีวิตกันมากขึ้น ขำขำขอเก็บไปเป็นการบ้านเรื่องหวานออกสื่อ

ด้านวันเกิดแกนด์ที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่าน้อยไปหน่อยเพราะด้วยโควิดซากลับมาถ่ายละครได้ ช่วงโควิดต่างคนก็ต่างได้รับผลกระทบ แต่แกรนด์เขาก็เข้าใจที่ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไร ถามว่าโมเมนต์เมื่อก่อนเด่นไหม คือแต่เมื่อก่อนเค้กก็ 25 บาท สำหรับเราเน้นความรู้สึกแต่ก็ไม่ควรหรอก เพราะหากวันนึงมีโอกาสเราก็จะชดเชยให้ เขาโตแล้วเข้าใจ”

ประวัติ เด่นคุณ งามเนตร

“เด่นคุณ งามเนตร” (ชื่อเดิม วิภู งามเนตร) มีชื่อเล่นว่า อ้วน หรือ คุณ เกิดวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2537 ในปี 2563 เขามีอายุ 26 ปี ภูมิลำเนาเป็นคน จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 3 คน เด่นคุณเป็นลูกคนสุดท้อง และมีพี่ชาย 2 คน เด่นคุณ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี และจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการภาพยนตร์ดิจิทัล มหาวิทยาลัยรังสิต นอกจากนี้ อ้วน เด่นคุณ งามเนตร ถือเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก โดยที่เขาเป็นทั้งนักกีฬาปิงปองของจังหวัด อยู่ในวงโยธวาทิตของโรงเรียน เป่าทรัมเป็ต จากนั้น เมื่ออ้วน เด่นคุณ งามเนตร เริ่มใส่เหล็กดัดฟัน เขาก็ไม่สามารถเป่าทรัมเป็ตต่อไปได้ และมีรุ่นพี่มาเรียกตัวให้ไปเป็นดรัมเมเยอร์ พร้อมกับโชว์ควงกระบองไฟอีกด้วย

สังกัด สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ด้านชีวิตในวงการบันเทิง เด่นคุณ เริ่มเข้าวงการจากการไปแคสติ้งงาน เพราะเพื่อน ๆ ในสมัยที่เรียนมัธยมศึกษาแนะนำมา ทั้งที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยผลงานเรื่องแรกของเขาคือเรื่อง ฮักนะสารคาม รับบทเป็น แก่น เพื่อนสนิทที่เข้ามาเป็นมารหัวใจของ มุก (สุมลนาถ คำหว่าน) และ ภูมิ (ประภัทรพงศ์ ประสิทธิพงศ์) ต่อมาในปี 2555 ได้เข้ามาเป็นเด็กในสังกัดของนักปั้นมือทอง เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร และได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของช่อง 3 ผลงานละครเรื่องแรกคือเรื่อง หลบผีผีไม่หลบ ก่อนจะมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากละครเรื่อง เพลิงฉิมพลี ในบท แสงคำ และมีงานต่อเนื่องจากนั้นคือ หวานใจนายกระจอก รับบทเป็น ภูพิง เป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก และที่แฟนละครประทับมาก ๆ เห็นจะเป็นละครเรื่อง ทุ่งเสน่ห์ เขาได้รับกระแสตอบรับจากแฟนละครอย่างล้นหลาม ในบท มิ่งขวัญ หนุ่มหล่อผู้อาภัพ ส่วนละครเรื่องสุด สัญญารัก สัญญาณลวง เตรียมจ่อคิวออนแอร์เร็ว ๆ นี้ทางช่อง 3HD

ด้านชีวิตส่วนตัว เด่นคุณ เคยออกมายอมรับต่อหน้าสื่อแบบตรง ๆ ว่าได้ทำศัลยกรรมจมูกมาใหม่ เพื่อเสริมความมั่นใจในการทำงาน นอกจากหน้าตาหล่อเหลาเข้าที่แล้ว สาว ๆ ยังหลงเสน่ห์ความเป็นหนุ่มนักกล้ามของเด่นคุณที่ขยันอวดหุ่นแซ่บ กล้ามเป็นมัด ๆ ในอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้ง ในส่วนเรื่องของหัวใจ ปัจจุบันเด่นคุณกำลังคบหาอยู่กับศิลปินและนักแสดงคนเก่ง แกรนด์ กรณ์ภัสสร ซึ่งคบกันมานานถึง 3 ปีแล้ว แถมฝ่ายหญิงยังเคยเผยผ่านรายการหนึ่งว่าเด่นคุณไม่เคยแสดงอาการเจ้าชู้เลยซักนิด ทำให้รักของทั้งคู่มั่นคงนั่นเอง
ไอจี เด่นคุณ งามเนตร @denkhun__ngamnet

ป๋าเทพ โพธิ์งาม

“ป๋าเทพ โพธิ์งาม” ทำธุรกิจเจ๊งมาแล้วกี่อย่าง อ่านตรงนี้มีคำตอบพร้อมมูลเหตุ

นักแสดงตลกมีชื่อ “ป๋าเทพ โพธิ์งาม” วัย 72 ปี ผ่านการทำธุรกิจเจ๊งมาแล้วกี่อย่าง อ่านที่นี่มีคำตอบพร้อมต้นเหตุ

จากกรณีที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” ของ “ป๋าเทพ โพธิ์งาม” นักแสดงตลกมีชื่อ ได้ออกมาโพสต์รูปภาพที่ดินจำนวน 13 ไร่ ซึ่งเป็นไร่ป๋าเทพ ที่ตั้งอยู่ ตำบลเขาขลุง อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมข้อความว่า “ขาย!! ไร่ป๋าเทพ 13 ไร่กว่า ที่สวย บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะที่สุดในแถบนี้พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่สูงจากถนนมาก น้ำไม่ท่วม สนใจติดต่อ Inbox ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ หรือ ติดต่อเบอร์โทร 085-3954415/ 094-4161555 ครับ #ไร่ป๋าเทพ #เทพโพธิ์งาม”

โดย ป๋าเทพ ก็ได้ออกมาสารภาพ ว่ามีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประกอบกับต้องการจะนำเงินทุนมาหมุน เพื่อเลี้ยงสัตว์ที่เลี้ยงดูไว้ มีควาย 7 ตัว วัว 25 ตัว หมา 40-50 ตัว รวมทั้งแมว 10 ตัว แม้ว่าจะรักรวมทั้งผูกพันกับที่ดินผืนนี้ แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่ของนอกกาย ในเวลานั้นตนห่วงแต่พวกสัตว์จะไม่มีอาหารกิน จึงตัดใจขายโดยกำหนดราคาไว้ที่ 13 ล้านบาท ทั้งนี้ถ้าหากขายที่ดินได้สำเร็จ ตั้งมั่นจะนำเงินไปจ่ายหนี้ที่มีอยู่ราวล้านกว่าบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปซื้อที่ดินผืนใหม่บริเวณเขาใหญ่ เพราะเป็นเส้นทางซึ่งสามารถผ่านไปมาได้หลายจังหวัด โดยจะเลือกทำเลที่ติดถนนหนทางเพื่อให้สะดวกต่อการเปิดร้านอาหารรวมทั้งขายขนมเปี๊ยะ

ป๋าเทพ

งานนี้คนไม่ใช่น้อยถึงกับตกอกตกใจว่าป๋าเทพทำธุรกิจเจ๊งอีกแล้วหรอ

ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 เคยมีคนออกมาเก็บรวบรวมไว้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าตัวทำธุรกิจอะไรเจ๊งไปแล้วบ้าง ดังต่อไปนี้

1. น้ำข้าวกล้อง อันนี้เหมือนจะดี สร้างโรงงาน (แบบบ้านๆ เรียกโรงนา จะดีกว่า) อย.ไม่ผ่าน แทนที่จะปรับปรุง ไปด่า อย. ว่าเรื่องเยอะ นู่นนี้นั้น แทนที่จะสนับสนุน sme กลับทำให้เรื่องเยอะ เลยไม่ผ่าน อย.

2. ร้านเสริมสวย ให้เมียทำ ทำแล้วรุ่งเลย แต่แกดันอยากทำ ข้าวสาร ขายถุงละ 5 บาท ทำให้วันๆ คนงานยกข้าวสาร ผ่านกลางร้านเสริมสวยของเมีย เพื่อเอา ข้าวไปเก็บหลังร้าน สรุปเจ๊ง ลูกค้าไม่เข้า

3. ร้านอะไหล่รถยนต์ ทำไม่เป็นสต๊อกของมั่ว ขายไม่ออกเจ๊ง

4. อสังหา ซื้อตึกแถวเก็งกำไร สุดท้ายเจ๊ง อย่างที่เป็นข่าว

5. โรงงานเซรามิค เจ๊งอีก

6.ร้านหมูกระทะ หุ้นกับเขา สุดท้ายเจ๊ง เขาให้หุ้นลม แบ่งกำไรกัน แต่ไปโวยวาย ว่าเขาได้กำไรแล้วไม่แบ่ง ขนาดเมียคุยแล้ว เข้าใจแล้ว แต่แกไม่ยอม เห็นคนเยอะ ไม่มีกำไรได้ไง สุดท้ายเขาให้มา 7 หมื่น แล้วก็ถอนหุ้นออกมาทำของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน ร้านที่หุ้นกับเขาก็ไม่รอด เขาบอกแล้วว่ามันยังไม่กำไร แต่ไปโวยวาย

7. ออกมาทำร้านหมูกะทะของตัวเอง ค่าเช่า 2 แสน คนงาน 70 คน ไม่พอ ค่าเช่าขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทำได้ไม่ถึง 6 เดือน หมดไปอีก 2-3 ล้าน เจ๊ง แกคุยเล่นๆว่า พนง. เยอะกว่าลูกค้าอีก เจ๊งอีกแถมเป็นหนี้ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ เขาอีก

8. ออกมาทำขนมเปี้ยะ แถวศาลายา อย่างที่เป็นข่าว ตอนแรกขายดี เพราะเป็นข่าวคนอยากช่วย เอาอีกแล้ว คิดการใหญ่ คนงาน 60 คนทำขนมเปี้ยะ สุดท้ายเจ๊งอีก แต่ดันไปโทษเขาว่า มีคนลอกเลียนแบบ แต่เท่าที่คนไปกินมา ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันไม่อร่อย

9. กลับมาเล่นหนัง แต่ก็ดันไปเรียกค่าตัวเขาแพงเวอร์ หนังเรื่องละ ล้าน บทต้องเด่น เป็นรับเชิญไม่ไป ขนาด พชร์ อานนท์ ยังมาพูดออกรายการ ว่ารับๆไปเหอะป๋า 3 แสน 4 แสน รับไป ดีกว่าไม่มี ไม่ได้ เดี๋ยวนี้หนังไม่ได้ทำเงินขนาดนั้น

ยิ่งกว่านั้นในวิกิพีเดียยังลงไว้อีกว่า “ด้านธุรกิจส่วนตัว เคยลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างเช่น ทำร้านชำ อู่ซ่อมรถ ร้านเสริมสวย บ้านจัดสรรแต่ไม่ประสบผลสำเร็จและขาดทุนอย่างมาก และยังเคยลงทุนผลิตน้ำข้าวกล้อง ยี่ห้อ โพธิ์งาม แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสุดท้ายถูกฟ้องล้มละลาย โดยเป็นบุคคลล้มละลายตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ถึง 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปัจจุบันกำลังเปิดธุรกิจขนมเปี๊ยะขั้นเทพและเป็นพิธีกรรายการชุมทางดาวทองทางช่อง 7”

ประวัติ เทพ โพธิ์งาม (ป๋าเทพ)

เทพ โพธิ์งาม หรือ สุเทพ โพธิ์งาม เกิดวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2493 ที่จังหวัดปราจีนบุรี แต่ไปเติบโตที่จังหวัดนราธิวาส เรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านยะบะ(อุปการวิทยา) อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ก่อนย้ายมาอยู่สะเดา อำเภอหาดใหญ่ เคยทำงานกับหน่วยฉายหนังกลางแปลง ทำให้ได้มีโอกาสเป็นนักพากย์การ์ตูนในหนังกลางแปลง ทำอยู่ 7 ปี หนังกลางแปลงถูกยุบ จึงหันเหไปเป็น กรรมกรในโรงถ่าน และได้ไปสมัครงานกับวงดนตรีเพลิน พรมแดน ประมาณ พ.ศ.2512 นับเป็นการเริ่มต้นในวงการ
ด้านชีวิตในวงการบันเทิง เทพ โพธิ์งาม หลังจากไปสมัครงานกับวงดนตรีเพลิน พรมแดน จึงได้เจอกับ เด่น ดอกประดู่ ให้มาเล่นตลกหน้าเวที หลังจากเด่น ออกจากวงดนตรีเพลิน พรมแดน เด่นได้ชวนเขาเข้าร่วม คณะ เด่น เด๋อ เทพ ประมาณ พ.ศ.2520 จากนั้น 2 ปี ได้แยกมาตั้งคณะ “เทพเพชรธงจิ๋ม” ต่อมาได้ น้อย โพธิ์งาม, แฉ่ง ช่อมะดัน, หม่ำ จ๊กม๊ก มาร่วมคณะกลายเป็นคณะ เทพ โพธิ์งาม จนถึงประมาณปี พ.ศ.2538 จึงได้เลิกเล่นคาเฟ่รับงานทีวี ละคร ภาพยนตร์ อย่างเดียว
ด้านชีวิตส่วนตัว เทพ โพธิ์งาม เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ น้อย โพธิ์งาม นักแสดงตลกชื่อดัง เทพ ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ จุ๋ม ภัสราวรรณ ทรงพีระพัฒน์ มานานถึง 35 ปี ก่อนจะแยกทางกัน ปีพ.ศ.2558 โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ ท๊อฟฟี่ นิชาภา โพธิ์งาม อดีตนักร้องค่าย ลักษ์มิวสิก และ ไทค์ ธนพล โพธิ์งาม ในอดีตเขาเคยลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จและขาดทุนอย่างมาก ปัจจุบันกำลังเปิดธุรกิจขนมเปี๊ยะขั้นเทพและเป็นพิธีกรรายการชุมทางดาวทองทางช่อง 7

แพท ณปภา

แพท ตกใจโดนโยงญาติ พลอย แก๊งโหด นาฟยังงวยงงงานเข้าถูกเล็งก่อเรื่องอีกแล้ว

36ปีไม่เคยเห็น ใครว่ะจู่ๆก็เป็นหลานเรา แพท ณปภา สะดุ้งแจงชัดๆหลังโดนโยง พลอย หนึ่งในแก๊งโหด นาฟก็งงถูกเล็งสร้างปัญหาอีกแล้ว ฉันมิได้ทำอะไรผิด คนโทรหา

ภายหลังจาก ทนายความรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ออกมาโพสต์ถึงเรื่องแก๊ง 17 โจ๋ อุ้ม 3 เยาวชนไปขังซ้อมทรมานต่างๆนานา ในบ้านเรือนไทยย่านรามคำแหง พฤติกรรมร้ายกาจ ทั้งมีภาพโชว์ปืนอาวุธสงครามเยอะมาก โดยคนหนึ่ง คือ เติ้ล เคยเป็นนักแสดงซีรีส์ ส่วน เพศหญิงชื่อ พลอย กล่าวถึงว่าตัวเองเป็นหลานดาราสาวคนดังโดยมีนามสกุลเดียวกันด้วยนั้น โดยทนายความรณณรงค์ ออกมาโพสต์พร้อมให้ข้อมูล จนถึงคนโยงไปยังดาราสาวคนดัง อย่าง “แพท ณปภา ตันตระกูล” เพราะว่ามีนามสกุลที่คล้ายคลึงกัน

นาฟ แพท

ปัจจุบัน “แพท ณปภา” ได้ไลฟ์ขายสินค้า พร้อมแจกแจงถึงประเด็นดังกล่าวข้างต้นว่า

“พวกเธอเห็นข่าววันนี้ไหม ที่เป็นข่าวดัง ที่บอกว่า มีน้อง 3 คน ที่โดนจับไปขังที่บ้าน ไปรอให้ทนายท่านหนึ่ง ทำคดีให้ และไปร้องกับ ผบ.ตร. เสร็จ เรื่องนั้นก็ผ่านไป ก็คือมีการออกหมายจับแล้วคนมามอบตัวแล้ว 1 แล้วถูกจับแล้ว 3 แต่โจกท์ทั้งหมดคือ 17 คน ที่ซอยราม 63 บ้านเรือนไทย โจ๋ 17 คน ที่รวบน้อง 3 คน ไปที่บ้านเรือนไทย เป็นดาราซีรีส์ อีกคนหนึ่งเป็นหลานดาราสาวชื่อดัง

แล้วทนายท่านนั้นมาพูดอักษรย่อเป็น พ. นามสกุล ตันตระกูล มีใครบ้าง พ ณปภ ป่ะ เสร็จงานเข้ากูเลย คนก็แบบว่า หลาน แพท ณปภา คนก็โทร.หากูเลยโทร.หานาฟอีก เพราะทุกคนเข้าใจว่า นาฟเป็นหลานฉัน นาฟก็ งง ว่า ฉันไม่ได้ชื่อพลอย ฉันชื่อนาฟ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

“เพราะฉะนั้น คนก็ งง ว่า พลอย คือใคร นักข่าวก็โทร.หากูอีก ส่งรูปมาให้ดูอีก ว่ารู้จักคนนี้ไหม นี่ก็ไม่รู้จัก พลอยไหน อะไรยังไงเอ่ย เขาบอกว่าเป็นหลาน แพท ณปภา บ้านเป็นอิสลาม และทำให้คนเชื่อไปใหญ่ว่า เป็นญาติแพทเพราะเขาเป็นแขก มุสลิม อิสลาม พูดอักษรย่อเพื่อ และบอกให้ออกมาพูดด้วย เกี่ยวข้องเรื่องนี้ไหม กู งง มาก รู้จักก็ไม่รู้จัก งง มาก ทำไมต้องออกมาพูด”

“คือแพทไม่รู้ คนที่ชื่อน้องพลอย เขาก็พูดกับทุกคนว่า เขาเป็นหลาน แพทณปภา ชื่อพลอย และเขาบอกว่า เขาใช้นามสกุล เดียวกับแพท คือ ตันตระกูล แล้ว พลอย แฟนของ อี เจ้าของบ้าน พลอยคนนี้ คนถูกกระทำเขาบอกว่า พลอยเป็นคนเอาไฟลน แล้วตบหน้าเขาด้วย”

“แพทตกใจมากทำไมมีชื่อเรา สืบเสาะเรื่องราวให้แล้วแพท – นาฟ คือสายตรง แพทงงมาก อยู่มาก 36 ปี แพทไม่เคยเห็นหน้า น้องพลอย เลย แพทงงมากว่าใครว่ะอยู่ดีก็บอกเป็นหลานเรา ทนายท่านนั้นก็พูดตลอดว่า น้องเขาบอกเป็นหลานนักแสดงชื่อดัง คือ แพทณปภา”

“แต่พอวันนี้หลังจากที่แพทลงไลฟ์ไป ก็ไปให้เขาดูว่านามสกุลนี้ เขาอยู่ตรงไหน อะไรยังไง ทำไมมาเอ่ยชื่อเรา และตอนสอบปากคำ มีการเอ่ยชื่อเรา กับตำรวจไปอีก
เราก็งง ว่าทนายเอ่ยชื่อเรา แต่ทางตำรวจ สน.หัวหมาก ไม่มีท่านไหน ติดต่อมาทางเราเลย ซึ่งเรายินดี เราอยากรู้มาก เขาเป็นใคร ทำไมเอ่ยชื่อเรา เข้าใจป่ะ และด้วยความที่น้องเป็นมุสลิมอีก คนก็ยิ่งเชื่อไปอีก ว่าใช่แล้วแหละ ต้องเป็นญาติแพทแน่นอน เพราะเป็นแขกมาก่อน บ้านเป็นแขกทั้งตระกูลไปอีก”

“ทนายท่านหนึ่ง คงไม่ได้เห็นรายละเอียดของนามสกุล (แต่เขาเป็นผู้ต้องหาแล้ว จะไม่เห็นได้ยังไง?) คือไม่รู้ว่านามสกุลสะกดยังไงหรือเปล่า แค่พูดว่า ตันตระกูล เขาควรเทียบกันก่อนไง

คือจะบอกว่านี่คือประเด็นหลักๆ ที่ชื่อฉันไปอยู่ในพาดหัวข่าววันนี้ พลอย หลานสาว นักแสดงชื่อดัง ชื่อย่อ พ. นามสกุล ตันตระกูล มีกูคนเดียวจ๊ะ พอหลานแพท คนก็เล็งไปที่ไอนาฟ ว่านาฟก่อเรื่องอีกแล้ว”

“คนละนามสกุลเลย เพราะถ้านามสกุล ตันตระกูล ทางฝั่งเราต้องไปเซ็นยินยอม หรืออีกฝั่งหนึ่งที่เป็นญาติห่างๆ สายจีนเขาต้องไปเซ็นใช่ไหม แต่ของพี่แพทก็ งง ว่าเขาเพี้ยนคำ ไม่ใช่เป็น ตระ แต่เป็น ตะ เฉยๆ เข้าใจตรงกันนะ

แพทมีญาติอยู่เพชรบูรณ์ไหม แพทไม่รู้เลย คือญาติคนที่อยู่ใกล้ชิดเท่านั้น จะมีแค่นครนายก ห้วยขวาง แล้วก็พระราม 3 ค่ะ เข้าใจหรือยัง ที่พยายามจะนั่งอธิบายคือ มันกลายเป็นว่าทำไมฉันต้องมานั่งรับรู้เรื่องนี้ด้วย กลายเป็นว่าเหมือนไม่ได้เช็กนึกออกป่ะ ฟีลไม่ได้เช็กว่านามสกุลอะไร”

แก๊งโหดวัยรุ่นนักเรียนอาชีวะ

จากกรณีแก๊งโหดวัยรุ่นนักเรียนอาชีวะ 17 คน อุ้ม 3 เยาวชนนักเรียนช่างกลไปกักขังไว้ 3 วัน ในบ้านเรือนไทย

ซอยรามคำแหง 63 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนขู่ ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ต่อยกัน จูบปากกัน บังคับให้อมนกเขาคนก่อเหตุ แฟนสาวลูกเจ้าของบ้านเอาไฟลนขนเพชร อวัยวะเพศ บุหรี่จี้ ถ่ายคลิปเหตุการณ์

โดยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมครอบครัวผู้เสียหายและตัวผู้เสียหายทั้ง 3 ราย เข้าพบพ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.หัวหมาก เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี พร้อมให้นำกำลังบุกค้นบ้านเรือนไทยหาหลักฐานเพิ่มเติม

ขณะที่ เพจ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ โพสต์ข้อความระบุว่า เด็กช่างอุ้มคู่อริอมกล้วย มีเยาวชน 2 รายอยู่ในวงการบันเทิง
ด้าน สรยุทธ สุทัศนะจินดา กล่าวในเรื่องเล่าเช้านี้ วันที่ 15 พ.ย.65 ระบุด้วยว่า นักแสดง ต. เป็นคนที่บังคับให้หนึ่งในเหยื่ออมนกเขา ให้สำเร็จความใคร่

ต. เป็นนักแสดงซีรีส์ ด้วย รู้ชื่อเรื่องซีรีส์ด้วยแต่ขอไม่บอก ส่วน พลอย แฟนของลูกเจ้าของบ้าน แฟนของอี ที่เป็นคนเอาไฟแช็กไปลนขนเพชรและปลายอวัยวะเพศ ก็ไปให้การกับตำรวจอ้างเป็นหลานสาวของดาราสาวคนดังคนหนึ่งด้วย

ทำให้แพท ณปภา ตกใจ ออกมาชี้แจงชัดๆ หลังโดนโยง พลอย หนึ่งในแก๊งโหด นาฟก็งงถูกเล็งก่อเรื่องอีกแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด คนโทรหาเพียบ สรุปว่าแพท ไม่ได้รู้จักกับ น้องที่ชื่อพลอย และไม่ได้เป็นญาติกัน

บีม ออย

บีม กวี เคลียร์ดราม่า ให้บุตรสาวแฝดช่วยขายสินค้าตั้งแต่เกิด

ขึ้นแท่นคุณพ่อลูก4 ไปได้ครึ่งเดือนแล้ว สำหรับ “บีม กวี” หลังจากที่ “ออย อฏิภรณ์” ภรรยาคนสวย คลอดลูกสาวฝาแฝด “น้องเอวา-น้องอัญญา” เจอดราม่าไม่ได้พักอีกแล้ว สำหรับพ่อ บีม กวี ตันจรารักษ์ ที่ก่อนหน้านี้ถูกคนวิภาควิจารณ์เรื่องที่พาลูกฝาแฝดหญิง น้องอัยวา และก็ น้องอัญญา มาถ่ายรูปกับสินค้า ว่าน้องพึ่งจะลืมตาดูโลกไม่นาน ก็จำต้องมาช่วยขายของซะแล้ว งานนี้ บีม กวี ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยถึงความรู้สึกเมื่อได้เห็นภาพน่ารักๆจากแฟนๆของ บิ๊ก D2B ที่ยังคงแน่นแฟ้น เปลี่ยนกันมาช่วยดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างไม่ขาดสาย ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นที่เรียบร้อย

ถามถึงดราม่า ให้ลูกช่วยขายของ?
“คือวันนั้นเราก็ถ่ายรูปลูกสาว ซึ่งลูกชายเราก็ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกไว้อยู่แล้ว แม่เขาก็เห็นว่าน่ารักดี และคงมีคนเข้ามาดูเยอะ ก็เลยถ่ายรูปกับโปรดักส์ที่เป็นของที่บ้านเราทำสักหน่อยดีกว่า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นดราม่า ผมว่าการที่ลูกจะช่วยพ่อแม่ขายของ มันก็ไม่น่าจะแปลกอะไร ถ้าผมเป็นลูก ผมก็ยินดีจะช่วยพ่อแม่ผม แต่ก็นานาจิตตังครับ ก็แล้วแต่”

ไม่ใช่เป็นสินค้า ของคนอื่นๆ ?
“ไม่ๆ เป็นสินค้าของครอบครัวเราเอง เราก็ทำเพื่อความเจริญของครอบครัว จริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนที่ใช้เงินกันไปกับอะไรที่มันแปลกประหลาดมากมาย ปวารณาตนว่าจากนี้ไป มีเงินมีทองก็จะเก็บไว้เพื่อดูแลคนที่บ้าน”

ครอบครัวบีม

ครอบครัวคุณ บีม มีภูมิคุ้มกันอะไรกับเรื่องแบบนี้ บ้างไหม ?

“จริงๆ คือลูกเรายังเล็กอยู่ ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรหรอก แต่ความเป็นพ่อแม่ คือจะตอบยังไงดี ไม่รู้พูดแบบนี้ไปมันจะดราม่าไหม คือผมรู้ว่าการเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นยังไง ผมก็เคยดังมากๆ มันเป็นแค่ช่วงหนึ่งในชีวิตแค่นั้นเองครับ การเป็นคนมีชื่อเสียงมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเลยอะ ผมดังจริงๆ ประมาณ 3-4 ปีเอง หลังจากนั้นเดินไปไหนไม่เห็นมีใครสนใจเลย (หัวเราะ) ผมเลยรู้สึกว่าจากประสบการณ์ผมเอง ที่ผ่านมาผมไม่ได้เจอเรื่องไม่ดี ผมก็ใช้ประสบการณ์ที่เราผ่านมาเป็นตัวตัดสิน ผมไม่รู้จะตอบยังไง ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเจอมันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”

เซ็งไหม เจอดราม่า แทบรายวันเลย ?
“การเป็นคนที่คนสนใจมากขึ้น ก็จะมีเรื่องแบบนี้เข้ามาอยู่แล้วอยู่แล้ว มันไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ มันก็ต้องรับตรงนี้ไป แต่ผมคิดว่าผมจะดูแลลูกให้ดีที่สุดแหละ ผมว่าเด็กจริงๆ มันดังแค่ 3-4 ปี ลูก 7 ขวบคงยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอก และหลังจากนั้นผมว่าหลายคนก็คงไม่ได้สนใจแล้ว แต่ตอนนี้ช่วยพ่อแม่นิดนึง ครอบครัวเราจะได้มีความเจริญรุ่งเรือง หนูจะได้สบายในอนาคต พ่อกับแม่จะคอยดูแลหนูเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวนะครับ”

และก็นอกเหนือจากนี้บีม ยังเปิดเผยถึงเรื่องลักษณะของการป่วยของพ่อบิ๊ก รวมถึงเรื่องที่มีแฟนคลับมาช่วยดูแลว่าเป็นเรื่องที่ตน แล้วก็แดนซาบซึ้งใจมากๆส่วนลักษณะของการป่วยของพ่อช่วงนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวล แล้วก็คาดว่าวันครบรอบที่บิ๊กจากไป 9 เดือนธันวาคมนี้ พ่อบางทีอาจจะไปร่วมพิธีทำบุญกับแฟนๆที่วัดหนามแดงเหมือนดังเดิมด้วย

ถามถึงภาพที่พ่อของ บิ๊ก ไม่สบาย แล้วก็มีแฟนคลับเปลี่ยนกันไปช่วยดูแลไม่ห่าง ?

“จริงๆ เรื่องแฟนคลับดูแล ผมรู้สึกดีใจมาก มันซึ้งใจที่แฟนคลับยัวเหนียวแน่นกับครอบครัวของบิ๊กมากๆ นะครับ คอยดูแลตลอด เวลาผมไปทุกครั้ง ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่บิ๊ก บ้านอายุหลายปีแล้ว ค่อนข้างที่จะเก่า โทรม แต่ผมไปทุกครั้ง มักจะมีการเปลี่ยนแปลง จะมีสีที่ทาใหม่ เก็บใบไม้ มันไม่ดูเป็นบ้านเก่าเลย แล้วผมถามคุณพ่อ ว่าใครเป็นคนดูแล จัดการให้ พ่อก็บอกว่าแฟนคลับมาช่วยกัน คือของอะไรที่ง่ายๆ แบบนี้ เวลาเรามอง หรือผู้ใหญ่มอง เขารู้สึกชื่นใจครับ และมันเหมือนแรงใจให้เขาอยู่ต่อไป”

ที่พ่อไม่สบายล่าสุดได้อัปเดตอาการท่านบ้างไหม ?
“คุณพ่อมีอุบัติเหตุนิดหน่อย ผมไปเยี่ยมครับ ดีใจที่คุณพ่อหายแล้ว เมื่อวานยังคุยโทรศัพท์กันอยู่ว่าอาการดีไหม และก่อนออย (ภรรยา) จะไปคลอดน้อง ผมก็ไปดูที่บ้านด้วยตาตัวเองที่บ้านมาแล้ว คุณพ่อยังเดินเหินได้ปกติ ยังพูดคุยได้นานเหมือนกันวันนั้น”

จำต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหม ?
“ผมคิดว่าก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องคอยดูแลธรรมาดานะครับ และที่ไปวันนั้นมีคนดูแลเหมือนกัน ผมก็ถามคุณพ่อว่าเราจะสามารถช่วยเหลือ ดูแลอะไรได้บ้าง เขาก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ยังโอเค และเมื่อวานที่คุยกัน คุณพ่อก็บอกว่าดีขึ้นเยอะแล้ว ซึ่งทางไปบ้านผมก็คือทางไปบ้านบิ๊ก และถ้าได้ยินเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วง ก็จะไปหา แต่อาจจะไม่ได้ไปประจำ เพราะด้วยภาระหน้าที่ของเราทีมีเยอะมากจริงๆ ยังคุยกับแดนอยู่เลย แต่ถ้ามีโอกาส หรือมีอะไร เราก็จะไปหา”
“จริงๆ เลยเราเป็นห่วงเรื่องเงิน เรื่องอะไรแบบนี้ เราก็ถาม แต่พ่อเขาก็บอกว่ามีแหล่งรายได้ที่สามารถดูแลได้ เราก็โอเคสบายใจในส่วนนั้น แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา ผมกับแดนก็พร้อมจะทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะจัดคอนเสิร์ตหรืออะไร ผมว่าทุกคนพร้อมจะช่วย แต่คุณพ่อยังไม่ได้ต้องการอะไรขนาดนั้น”

ประวัติบีม กวี ตันจรารักษ์
บีม กวี ตันจรารักษ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 บีมเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการรับงานถ่ายแบบและงานโฆษณา โดยขณะนั้นเขากำลังศึกษาอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัยปีที่ 2 ต่อมาบีนได้เข้าฝึกเรียนร้องเพลงจากทางค่ายและได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นศิลปินในสังกัด อาร์เอส โปรโมชั่นในปี พ.ศ. 2542 หลังเซ็นสัญญาบีมได้แสดงมิวสิควีดีโอเพลง เธอรักฉันรู้ ของศิลปิน โมเม นภัสสร บุรณศิริ ต่อมาบีนก็ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่อง ๙ พระคุ้มครอง ต่อมาบีนก็ได้เปิดตัวในฐานะศิลปินวง D2B (ดีทูบี) ในปีพ.ศ. 2544 จากความสำเร็จของวง D2B ก็ทำให้บีมมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จัก จนในปีพ.ศ. 2546 บิ๊ก อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ หนึ่งในสมาชิกวงได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ภายหลังจึงได้ยุบวง D2B โดยภายหลังก็ได้มีบีมก็ได้มีการออกผลงานเพลงในนามนักร้องดูโอ Dan-Beam หลังจากนั้นก็ได้แยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดียว

ในปีพ.ศ. 2553 บีมกวี ตันจรารักษ์ ได้หมดสัญญากับทางต้นสังกัด อาร์เอส โปรโมชั่น บีมได้ห่างนานไปจากวงการบันเทิงเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อดูแลกิจการบริษัทด้านธุรกิจนำเที่ยว Trip Buster ที่เขาก่อตั้งขึ้นแต่ด้วยปัญหาภายในบริษัททำให้ปิดตัวลง ในปีพ.ศ. 2554 บีมได้กลับมามีผลงานในวงการบันเทิงอีกครั้งกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง ส.ค.ส. สวีทตี้ และซีรีส์ บำบัดรักบำรุงสุข (Love Therapy) โดยปัจจุบันบีมได้มีผลงานในวงการบันเทิงในฐานะนักแสดงอิสระ

ด้านครอบครัว
บีมกวี ตันจรารักษ์ เป็นบุตรชายคนโตของนายวีระศักดิ์ ตันจรารักษ์ กับนางเกตน์นิภา ตันจรารักษ์ โดยเขามีน้องอีกสามคนคือคุณโบ๊ต นาวี ตันจรารักษ์ , คุณเบียร์ พนา ตันจรารักษ์ และคุณบัว สโรชา ตันจรารักษ์ ปัจจุบันบีมแต่งงานกับคุณออย อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์ แล้วมีบุตรแฝดชายด้วยกัน 2 คน และแฝดหญิง 2 คน ปัจจุบันมีบุตร 4 คนแล้ว

ด้านการศึกษา
บีมกวี ตันจรารักษ์ จบการศึกษาระดับอนุบาลจากโรงเรียนอนุบาลธนสมบูรณ์วิทยา ระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จากโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตร MBA English Program จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้บีมยังเคยไปศึกษาด้านภาษาอังกฤษที่ Queensland College Of English (QCE) ประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลา 6 เดือน

โน้ตวิเศษ

“โน้ต วิเศษ” เปิดมุมมองความรักสุดเรียบง่าย แต่จริงจัง! ฉีกแนวทำธุรกิจเฮลตี้

โน้ตวิเศษ เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ลือชื่อเรื่องรักสุขภาพและประทับใจการออกกำลังกายอย่างมาก สำหรับ โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ ว่าที่เจ้าบ่าวของนางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ปัจจุบันเจ้าตัวขอฉีกแนวจากธุรกิจทำสายไฟฟ้าของครอบครัว มาปลุกกระแสเอาใจสายเฮลท์ตี้ ด้วยสินค้าเพื่อคนรักสุขภาพตัวใหม่ NOLA Superfoods (โนล่า ซุปเปอร์ฟู้ดส์) พร้อมทั้งเปิดมุมมองความรักสไตล์คู่รักสายสุขภาพตัวยง หลังจากทั้งคู่เพิ่งจะประกาศฤกษ์สมรส 22 ธ.ค.นี้ ให้เพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการได้มาร่วมแสดงความยินดี

 

โน้ต

เมื่อได้โอกาสได้คุยกับ โน้ตวิเศษ เลยให้เจ้าตัวเล่าจุดเริ่มแนวทางการทำธุรกิจ

พร้อมทั้งแง้มหัวใจก่อนควงว่าที่เจ้าสาวเข้าประตูแต่งงาน มุมมองในเรื่องความรักจะเป็นยังไง ไปฟังหนุ่มโน้ตเล่ากันเลย

จากธุรกิจไลท์ติ้ง สู่ธุรกิจสายสุขภาพ
“หลังเรียนจบผมมาบริหารธุรกิจของที่บ้าน พอถึงจุดหนึ่งรู้สึกอยากจะลองออกหาความท้าทาย พอเราเรียนรู้มาได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็เลยมาลองทำตัวโนล่า ตอนนั้นผมอายุ 30 ปี คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพวกไฟโตรนิวเทียนต่างๆ ที่มันจะช่วยในเรื่องของการป้องกันโรค รักษาโรค เป็นความชอบส่วนตัว แล้วผมก็เริ่มมาออกกำลังกายมากขึ้น ทานอาหารที่ดี ความคิดเราก็เปลี่ยนไปด้วย ผมก็เลยมาเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ”
“ตอนแรกผมทำสายไฟบ้านด้วย พอตรงนั้นมันโตไปถึงจุดนึงแล้ว ผมก็รู้สึกอยากทำอะไรที่สามารถขายไปต่างประเทศได้ด้วย ก็เลยเป็นที่มาที่ไปอยากจะมาลองทำธุรกิจอย่างอื่นดู บวกกับเราค่อยๆ ค้นหาตัวเองไป ก็บอกกับที่บ้านว่าเราอยากจะมาลองทำบริษัทอันนึงให้มันเกิดขึ้นจริงๆ จึงเป็นที่มาที่ไปให้เราเริ่มทำโนล่าขึ้นมา”
“ขอฝากโนล่าซุปเปอร์ฟู้ดส์ด้วยนะครับ เป็นสุดยอดสารอาหารสกัดจากธรรมชาติแบบเข้มข้น สามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ”

ค้นหาตนเองจากไลฟ์สไตล์ ต่อยอดธุรกิจ
“เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นเหมือนทำไปแล้วเราชอบ พอชอบปุ๊บก็รู้สึกว่ามันเป็นตัวเองมาก ในเรื่องของธุรกิจผมว่ามันเป็นโบนัส การออกกำลังกายตอนนี้มจะไม่ได้ทำอะไรที่มันมากไป ผมจะทำอะไรที่มันพอดี ออกกำลังกายพอดี เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์ ผมเชื่อมากๆ ว่าการที่เราทานอาหารมีประโยชน์จะเป็นยาติดตัวเรา ซึ่งอนาคตผมก็หวังว่าจะไม่ต้องมาทานยาเป็นอาหาร”
“จริงๆ ผมอยากจะเผยเคล็ดลับให้ลึกกว่านี้ด้วย ผมอายุใกล้จะ 40 ปีแล้ว ก็ผ่านประสบการณ์ทำโน่นนี่มา สุดท้ายเรื่องสุขภาพสำคัญที่สุด นอกจากออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว คือการทานอาหารที่ดี และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผมรู้สึกว่ามันทำให้อารมณ์เราดี มายเซ็ตเราดี ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ กลับเข้ามาในชีวิต เลยเป็นเป้าหมายใหม่ให้ตัวเองด้วย”
“ไลฟ์สไตล์ช่วงวัยรุ่น ก็พยายามเข้าใจว่าตัวเองดูแลตัวเองแล้ว แต่มองกลับไปไม่ค่อยเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพเท่าไหร่ ออกกำลังกายบ้าง แต่พอออกปุ๊บก็ไม่ได้ทานอาหารที่ดีกลับเข้าไปในร่างกาย ตอนนั้นเข้าใจว่าลีฟไลฟ์บาลานซ์ เวิร์คฮาร์ดเพลย์ฮาร์ด ตอนนี้ไม่แล้ว(หัวเราะ) ทุกอย่างเปลี่ยน คืออยากจะทำอะไรที่มันพอดีและช้าลง ค่อยๆ ไป แต่ไปให้ถึงและไกลมากกว่า เพราะจริงๆ ช่วงที่ไปค้นพบตัวเอง คือช่วงที่เริ่มไปเอ็กซ์ตรีม ผมไปเดินเขาคนเดียว 3 อาทิตย์ ปีนึงผมไปเดินสองรอบ บางคนอาจจะเข้าวัดไปนั่งสมาธิ ฝึกสมาธิ ฝึกสติ แต่การที่ผมไปเดินเขาในรูปแบบของผม มันได้สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างที่เราอยากจะทำ หรือฝึกสติ ฝึกการหายใจ เราหายใจช้าๆ เราจะไปได้ไกล แต่พอเรารีบทำ เราก็จะเหนื่อยและทำอะไรได้แป๊ปเดียว เป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสะสมมาตอนช่วงที่เราค้นหาตัวเองครับ”
“ต้องหาเอ็นเนอร์จีของตัวเองให้ได้ก่อน แต่ถ้าเรื่องดูแลร่างกายผมเชื่อว่าการออกกำลังกายก็ส่วนหนึ่ง ที่บอกว่าออกกำลังกาย 30% ทานอาหารที่มีประโยชน์ 70% พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ จริงๆ มันเป็นเรื่องเบสิกมากๆ แต่เราต้องทำมันสม่ำเสมอ ทำมันอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องสุขภาพเหมือนต้องลงทุนต้องใช้เวลากับมัน รีบไม่ได้ เพราะมันเหมือนรักษาเราที่ต้นเหตุ ทานยามันรักษาที่ปลายเหตุ ฉะนั้นเราต้องรักษาร่างกายของเราให้ดี”

 

โน้ต แพทริเซีย

แพทริเซีย กำลังใจคนสำคัญ ของ โน้ตวิเศษ

“ไลฟ์สไตล์เข้ากันครับ เขาก็ออกกำลังกาย ชอบกิน กิจกรรมหลายๆ อย่างถือว่าค่อนข้างเข้ากัน มันป็นไปตามอายุด้วย อีกสักพักนึงผมว่าเขาก็อยากจะทำอะไรท้าทายมากขึ้น ตอนนี้เขาอาจจะยุ่งเรื่องงานละครอยู่ แต่ถ้าว่างผมก็จะชวนน้องไปออกกำลังกายตลอดเลย เขาจะมีคลาสออกกำลังกายบางอย่างที่ผู้หญิงชอบทำ เขาก็ชวนผมไปทำบ้าง อะไรต่างๆ ที่ผู้หญิงชอบเล่น ผมก็ไปกับเขา ก็ดีเพราะจะได้ฝึกกล้ามเนื้อส่วนเล็กๆ บางทีเข้ายิมแล้วมันไม่ได้ แพทไม่มีอิดออดเวลาชวนไปออกกำลังกาย เขาเป็นคนถ้าลุยแล้วก็ลุย เข้าคลาสปุ๊บก็ค่อนข้างเต็มที่”
“คือเราไม่ได้เป็นนักกีฬาที่ต้องจริงจัง แค่ให้สุขภาพดีพอ นอกจากสุขภาพดีการที่เราได้ทานของอร่อยด้วย สำหรับผมมันก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย แต่ก็อยู่ในความพอดี”
“แพทเขาจะชอบตัวแอ็คทีฟซีพลัส เพราะเขาชอบตัววิตามินซีเลยให้ลองทานของโนล่าดู ตัวแอ็คทีฟซีพลัสมีซุปเปอร์ฟู้ดส์ตั้ง 6 ชนิด เป็นสกัดมาจากธรรมชาติ แล้วเขาก็เชื่อว่าถ้าผมทำเองมันต้องดี เขาจะมีคอมเมนต์ของเขา เราก็รับฟังทุกคอมเมนต์อยู่แล้วนำมาปรับ ผมค่อนข้างโฟกัสในเรื่องผลิตภัณฑ์มากๆ เลย ฉะนั้นส่วนใหญ่ซุปเปอร์ฟู้ดส์ที่เลือกมาภายใต้โนล่า ผมจะเป็นคนเลือกเอง ไปศึกษามาเองทั้งหมดครับ”

คนนี้…ใช่เลย
“พูดตรงๆ เลยนะ ผมกับแพทแทบไม่ต้องปรับอะไรกันเลย มันเป็นการลงตัวที่ธรรมชาติมากๆ อายุห่างสำหรับผมอาจจะเป็นข้อดี เพราะพอห่างปุ๊บผมเข้าใจเขา ทำไมเขาเป็นอย่างนี้ นิสัยแบบนี้ แล้วผมก็ดูเขาออกว่าเขาเป็นคนที่นิสัยและจิตใจดีมากๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจเป็นธรรมชาติมากๆ ”
“ไม่เคยมี ผมว่าถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าอะไรไม่ควรทำ เราไม่อยากให้เขาทำอะไร เราก็ไม่ต้องทำสิ่งนั้น แล้วที่ผ่านมาเราก็อยู่ด้วยกันตลอด ไม่เคยมีกฎไม่เคยมีอะไรเลยครับ ถามว่าที่ไม่ค่อยทะเลาะกันเพราะผมเป็นฝ่ายยอมหรือเปล่า ไม่ได้เรียกว่ายอม แต่เรียกว่าเข้าใจและเขาก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เราเลย ผมรู้สึกอยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
“ก็ค่อยๆ เรียนรู้อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ บางคนบอกช่วงแรกๆ เป็นช่วงโปรโมชั่น ทุกอย่างหวานดีไปหมด แต่สำหรับผมรู้สึกว่าช่วงแรกเราค่อยๆ เริ่มเรียนรู้ จนถึงทุกวันนี้เราคุยกันเรื่องแต่งงาน แพลนแต่งงานกันก็รู้สึกตื่นเต้นทั้งคู่ ว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว เราตื่นเต้นกันจริงๆ”

มุมมองความรัก
“ผมเป็นคนค่อนข้างจริงจังกับความรัก มันอธิบายไม่ได้เพราะรูปแบบความรัก ความหวัง ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันไม่เท่ากัน ถ้าวันนึงเจอคนที่เป็นคู่ของคุณ คุณก็จะรู้สึกได้ ถ้ามันไม่ต้องฝืน และมีความธรรมชาติอยู่ ผมว่านั่นคือความรักที่พอดี ไม่ต้องมากไปแต่ให้มันไปเรื่อยๆ ของมันดีกว่า”

แอน ทองประสม

ได้แหวนหมั้นที่ถูกโจรกรรมคืนแล้ว “แอน ทองประสม” เดินหน้าตามคืนของอื่นๆ

 

แอน ทองประสม ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ตลก บัวผันฟันยับ งานนี้เลยขอเปิดใจถึงเรื่องที่เขาโดนขโมยของด้วย ที่แอนพูดว่า ช่วงชีวิตวัย 45 เป็นช่วงที่เจอกับเคราะห์หนักเกือบจะทุกรูปแบบกันเลยทีเดียว

ปัจจุบัน(7 พฤศจิกายน 2565) แอน ทองประสม เปิดใจถึงกรณีทรัพย์สินที่ถูกคนใกล้ชิดขโมยไปให้นักข่าวฟังว่า ในขณะนี้เริ่มได้ของบางอย่างกลับคืนมาบ้างแล้ว ซึ่งรวมถึงของหมั้นที่แฟนชายหนุ่ม เอ ทินพันธ์ เป็นคนมอบให้ ก่อนจะกล่าวถึงโมเมนต์พิเศษเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุ 46 ปี ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาด้วย

เอ แอน

ปาร์ตี้วันเกิดก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเพื่อนๆน้องๆมารวมตัวกันมากมายเลย ?

“ปีที่ผ่านมาแอนคงโดนมาเยอะ และเหมือนทุกคนก็คงอยากจะมาให้กำลังใจ มันก็เลยเป็นบรรยากาศที่แบบว่าดีค่ะ ดีต่อหัวใจ แอนสัมผัสได้ว่าทุกคนอยากทำให้แอนมีความสุข ก็ดีใจค่ะ ส่วนทางคุณเอก็คือ เงียบไปเลย ไม่ได้อวยพรอะไรแอนเลย แต่ว่าเขาซื้อของขวัญให้แล้วนะคะ ซื้อให้ก่อนวันเกิด”

“ปีนี้อายุ 46 แล้วค่ะ กล้าบอก กล้าบอก (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนมาไหนแอนก็คือพี่ใหญ่สุดค่ะ ซึ่งแอนโอเคนะ โอเคในความเป็นตัวเอง สวยตามวัยของเรา แต่ถ้าปีหน้านักข่าวถามเรื่องอายุอีก แอนไม่ตอบแล้วนะ เค้กก็ไม่ปักแล้วด้วย ทำเป็นลืมๆ ไป (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ แอนก็โอเคค่ะ ไม่ได้มีอะไร แฮปปี้ดี”

ช่วงอายุ 45 ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่เราเจอเคราะห์ใหญ่ๆ หลายครั้ง ?

“มีหลายคนบอกเหมือนกันค่ะ เขาบอกประมาณว่าอะไรที่ลงท้ายด้วยเลข 5 คือ ‘ชง’ ไม่ว่าจะเป็น 25 35 45 ซึ่งแอนเพิ่งจะสังเกตว่ามันก็ชงจริงๆ ทั้งเรื่องของ โควิด ขาหัก เสียทรัพย์ เสียบริวาร โดนทุกอย่างเลย ครบๆๆๆ เต็มที่”

“แต่ถ้าถามแอนนะ แอนคิดว่ามันอาจจะเป็นรอบของมันก็ได้ เป็นจังหวะที่เราต้องเจอ เป็นความประมาทของเราซึ่งเกิดจากความไว้วางใจหรือเราเซฟตัวเองไม่ดีพอ คือแอนก็จะพยายามหาเหตุและผลมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอ่ะค่ะ”

อัปเดตคดี ข้าวของที่ถูกโจรกรรมไปในขณะนี้ได้กลับคืนมาบ้างหรือยัง ?

“ยังตามของอยู่เลยค่ะ และก็ได้คืนมาแล้วบางส่วนที่เราสามารถเจรจาได้ ที่เขาน่ารักและเขายอม แต่สำหรับบางส่วนที่ไม่ยอมเราก็ต้องฟ้อง คือเอาจริงๆ นะ แอนเองก็ไม่ได้อยากขึ้นโรงขึ้นศาลอะไรหรอก แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม เราต้องมีความหวังกับความถูกต้อง และแอนก็อยากสู้ดูสักตั้งด้วย ขอลองดูก่อนค่ะ”

แหวนหมั้นสินสอดทองหมั้นได้คืนมาแล้วหรือยัง ?

“ได้คืนมาแล้วค่ะ ต้องเอากลับมาก่อนเป็นสิ่งแรกเลย คือมันมีคนที่เขาเข้าใจเราอ่ะ มีโรงรับจำนำที่เขาเข้าใจเรา และพอคุยกันต่างฝ่ายต่างก็ยอมรับความเสียหายทั้งคู่ ซึ่งแอนก็ถือว่าโชคดี ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่”

หลังจากนี้ตั้งใจจะซื้อเก็บสะสมอีกไหม ?

“ไม่แล้วค่ะ ไม่อยากดูแลอะไรแล้ว ถ้าเริ่มใหม่ แอนขอเริ่มใหม่กับความสุข สุขภาพ เพื่อน และครอบครัวดีกว่า ส่วนของพวกนี้ก็คงมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่คงไม่มองใหญ่ถึงขั้นเป็นการลงทุนแล้ว”